เชื่อว่าทุกๆคนต้องเคยเข้าเว็บไซต์ เเล้วเจอช่องที่ตรวจสอบว่าเราเป็นมนุษย์หรือเปล่าเเละให้พิมพ์ตัวอักษรที่เราเห็นลงไป นั้นคือ ReCapcha นั้นเอง เเละเชื่อว่าหลายคนคงเกลียดขั้นตอนนี้มากเพราะดูเสียเวลาเเละน่าเบื่อ เเต่เดี๋ยววันนี้ ThaiTechTalk จะมาเล่าให้ฟังสั้นๆถึงเบื้องหลังสุดล้ำของไอเดียนี้กันคับบ
ย้อนกลับไปในช่วงก่อนปี 2007 ณ วันหนึ่งที่มหาวิทยาลัยคาเนกี้เมล่อน ที่ สหรัฐอเมริกา นักวิจัยปริญาเอกด้านคอมพิวเตอร์เชื้อสายกัวเตมาลา นามว่าลุอิส วอน ออน(Luis von Ahn) กำลังนั่งฟังบรรยายจากเเขกรับเชิญที่มาจากบริษัท Yahoo (ซึ่งขณะนั้นเรียกได้ว่าเป็นบริษัท tech ยักใหญ่มากๆของโลก) โดยช่วงหนึ่งของการบรรยายได้มีการกล่าวถึงปัญหาหนึ่งที่สำคัญมากๆที่เว็บไซต์ขณะนั้น กำลังเจอนั้นคือปัญหาการสแปมของอีเมล ภายหลังจากจบการบรรยายนายลุอิสจึงอยากคิดวิธีที่จะเเก้ปัญหานี้เเละใช้เป็นงานวิจัยของตัวเอง จึงร่วมกันคิดค้นกับศิษย์เอกของเข้าที่มหาวิทยาลัย เเละกำเนิดไอเดีย Recaptcha ขึ้นมาโดยเป็นช่องเล็กๆให้ใส่ตัวอักษรจากภาพ ซึ่งเป็นขั้นตอนง่ายๆที่คอมพิวเตอร์นั้นไม่สามารถทำได้ เพื่อแบ่งเเยกระหว่างคนเเละคอมพิวเตอร์ หลังจากนั้นลุอิสจึงนำไอเดียนี้ไปเสนอที่ Yahoo เเละได้ผลตอบรับที่ดีมากเเละถูกนำไปปรับใช้อย่างเเพร่หลายอย่างรวดเร็ว เเต่ทว่าไอเดียนี้ถึงจะฟังดูดี เเต่ลุอิสยังสามารถสร้างเงินจากการนำเสนอไอเดียนี้ให้ Yahoo เขาจึงคิดเเก้ปัญหาอีกขั้นหนึ่งโดย เขาค้นพบว่ามีสื่อสิ่งพิมพ์เยอะมากที่ไม่สามารถนำแปรให้เป็นดิจิตอลเเละสร้างมูลค่าได้ เขาจึงติดต่อสำนักพิมพ์ New York Times เพื่อยื่นขอเสนอว่าจะแปรหนังสือพิมพ์ของทางสำนักพิมพ์ย้อนหลัง 10 ปี ให้เป็นดิจิตอลให้ โดยคิดเป็นเงินต่อปีที่แปล ซึ่งทางสำนักพิมพ์ก็เห็นประโยชน์เเละตกลง โดยทางลุอิสจะใช้คอมพิวเตอร์แปลงตัวอักษรเหล่านั้นให้เป็นภาพเเละนำภาพเหล่านั้นไปใส่ใน ReCaptcha เเละให้คนที่เข้าระบบในเว็บไซต์นั้นเป็นเสมือนคนที่แปลความหมายของตัวอักษรเหล่านั้นเอง ฉะนั้นเองตัวเว็บไซต์ก็ได้รับความปลอดภัยจากการที่ป้องกันการถูกเข้าใช้งานจากคอมพิวเตอร์เเละสำนักพิมพ์ก็ได้รับการแปลเนื้อหาทั้งหมดลงสื่อดิจิตอล การจับคู่การเเก้ปัญหาอันฉาญฉลาดของเขาจึงทำให้เขาสามารถแปลหนังสือพิมพ์ทั้งหมด 10 ปีเพียงเเค่ช่วงเวลา 1 อาทิตย์เท่านั้น!!(จากจำนวนของคนที่เข้าเว็บไซต์ขณะนั้นที่มีจำนวนมาก) เเละไม่นาน ในปี 2009 ไอเดียสุดบรรเจิดนี้ก็เข้าต บริษัท Google เเละเข้าซื้อ ReCapcha นี้ในมูลค่า 27.8 ล้านเหรียญสหรัฐ(ประมาณ 861.8 ล้านบาทขณะนั้น) เเละสร้างเงินเป็นกอบเป็นกำให้กับนายลุอิสเลยทีเดียวซึ่งเนื่องไอเดียนี้ใช้ต้นทุนต่ำมากๆเรียกได้ว่าเเทบจะเป็น 0 เงินที่ได้มาจึงเป็นค่าไอเดียล้วนๆ !!!
จะเห็นได้ว่าการทำธุรกิจปัจจัยสำคัญคือการแก้ปัญหาอย่างเเท้จริง โดยนอกจากงานนี้นายลุอิสจะเเก้ปัญหาที่ถูกต้องเเละจับคู่ปัญหาได้อย่างเหมาะสมเเล้วการใช้เทคนิก Crowd Sourcing* มาช่วยแก้ปัญหายังทำให้เกิด win-win situation ที่ต้นทุนต่ำมากๆด้วย.
(Crowd Sourcing* = การให้กลุ่มคนจำนวนมากเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหาโดยสร้างเป้าหมายหรือรางวัลเดียวกัน อธิเช่น เว็บรีวิว Pantip ให้คนเข้ามาช่วยกันตั้งกระทู้ หรือเว็บแปลเพลง Rap Genius ให้คนเข้ามาช่วยแปลเพลง)
++เกร็ดเล็กที่น่าสนใจจากเรื่องนี้++
-หลายท่านอาจจะสงสัยว่า เราตัว ReCapcha จะรู้ได้ไงว่าที่ผู้ใช้แปลอักษระไปถูก : ลุอิสให้คำตอบว่าตัวระบบจะใช้การคู่ระหว่างคน 10-20 คนว่าถ้าแปลข้อความนี้ไปในทางเดียวกันระบบจะเรียนรู้ว่าถูกต้อง เเละสร้างเป็นโมเดลเพื่อทำนายต่อไปเรื่อยๆ
-ลุอิส วอน ออน(Luis von Ahn) ปัจจุบันเป็น Co-founder เเละ CEO ของแอปเรียนภาษาที่ใช้ฟรีไม่เสียตัง ชื่อคุ้นหูอย่าง Duo lingo ที่มีมูลค่าถึง 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ(ประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเรื่องลุอิสยังคงใช้คอนเซ็ปของ crowd souring มาผสมในแอพ duo lingo เช่นเดียวกัน !
เขียนโดย Sam
อ้างอิง